เที่ยวประจวบฯตอนล่าง-บางสะพาน- ชุมพรตอนบน บางเบิด-อ่าวทุ่งมหา ดำน้ำกินปูห้อยขาเต็มอิ่ม 9+1 เกาะ เกาะยอ-เกาะเวียง-เกาะพระ-เกาะร้านเป็ดเกาะร้านไก่ -อ่าวทุ่งซาง-เกาะไข่ปะทิว
เรียนรู้วิถีชีวิตชุมชน อ่าวทุ่งมหา ชมการทำประมงชายฝั่ง วางลอบปู ลอบปลา ไดหมึกตกหมึก งมกุ้ง งมหอย วางอวนปูอวนกุ้ง ปลูกป่าโกงกาง ปล่อยลูกปูม้า นังเรือชมหิ่งห้อย ชมนกเงือก ชมฝูงค่างแว่น ตกปลาทราย การเลี้ยงปลากระพง การเลี้ยงหอยเมลงพู่
👉ชมการทำประมงชายฝั่ง
👉วางลอบปู ลอบปลา
👉ไดหมึกตกหมึก
👉งมกุ้ง งมหอย
👉วางอวนปูอวนกุ้ง
👉วางอวนปลากระบอก
👉ปลูกป่าโกงกาง
👉ปล่อยลูกปูม้า
👉นังเรือชมหิ่งห้อย
👉 ชมนกเงือก ชมฝูงค่างแว่น
👉ตกปลาทราย
👉การเลี้ยงปลากระพง
👉 การเลี้ยงหอยแมลงภู่
👉การเจาะห้อยนางรม
👉การแปรรูปอาหารทะเล
👉การนำสัตว์ทะเล และผักพื้นบ้าน มาปรุงอาหาร แบบท้องถิ่น
👉ชมการทำประมงชายฝั่ง
👉วางลอบปู ลอบปลา
👉ไดหมึกตกหมึก
👉งมกุ้ง งมหอย
👉วางอวนปูอวนกุ้ง
👉วางอวนปลากระบอก
👉ปลูกป่าโกงกาง
👉ปล่อยลูกปูม้า
👉นังเรือชมหิ่งห้อย
👉 ชมนกเงือก ชมฝูงค่างแว่น
👉ตกปลาทราย
👉การเลี้ยงปลากระพง
👉 การเลี้ยงหอยแมลงภู่
👉การเจาะห้อยนางรม
👉การแปรรูปอาหารทะเล
👉การนำสัตว์ทะเล และผักพื้นบ้าน มาปรุงอาหาร แบบท้องถิ่น
เที่ยวชุมพร กับ ทุ่งมหากรุ๊ปท่องเที่ยวชุมชน อ่าวทุ่งมหา เกาะยอ-เกาะพระ-เกาะเวียง-เกาะสิกง-เกาะรังนก-เกาะร้านเป็ดเกาะร้านไก่-เกาะไข่ ดื่มด่ำกับบรรยากาศ เกาะแก่งมากมายดุดปฎิมากรรมที่สร้างสันจากธรรมชาติไม่ปรุงแต่ง อาหารทะเลสดใหม่ น้ำใสหาดขาว ชมชีวิตใต้ท้องทะเลหลากสีสัน ปลาการ์ตูนปะการังหลากสี ดอกไม้ทะเล ที่รอคุณมาสัมผัส
เที่ยวเกาะยอ ศูนย์เพาะพันธุ์สัตว์ทะเลพระจอมเกล้าฯชุมพร (ธนาคารปู) แหล่งท่องเที่ยวที่เหมาะกับการศึกษาดูงาน และพักผ่อนย่อนใจ (กินปูห้อยขา) ศูนย์เพาะพันธุ์สัตว์ทะเลลาดกระบังชุมพร อ.ปะทิว เป็นศูนย์การเรียนรู้ทางทะเลและเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่มีทั้งวิวทิวทัศน์และระบบนิเวศย์ของธรรมชาติที่สวยงามและส่งเสริมความรู้ทางวิชาการ อีกทั้งยังสนับสนุนการมีส่วนร่วมของคนในท้องถิ่น ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่สำคัญของจังหวัดชุมพร
ทะเลแวก เกาะไข่ เป็นแหล่งอนุรักษ์หอยมือเสือและปะการังปลาสวยงาน มีหาดทรายขาวสวย และหาดปะการังฟอสซิล สิงที่เป็นเอกลักษ์ของเกาะไข่ก็คือ หาดทรายที่นี่จะเปลี่ยนรูปลักษ์ไปตามฤดูกาล
หอยมือเสือมีพฤติกรรมต่างจากหอยจำพวกอื่นตรงที่เปลือกด้านบนจะเปิดออกเพื่อรับแสงแดด จะเรียกเป็นด้านหน้าของหอยมือเสือและจะแผ่ส่วนแมนเทิล ซึ่งเป็นเนื้อเยื่อออกมารับแสง ซึ่งส่วนเนื้อเยื่อจะมีสาหร่ายจำพวกไดโนแฟลกเจลเลต คือ สาหร่ายซูแซนเทลลี จำนวนมากอาศัยอยู่ในแมนเทิลซึ่งการอยู่ร่วมแบบนี้ต่างฝ่ายต่างได้รับประโยชน์ ซึ่งการอยู่แบบพึ่งพาอาศัย การสังเคราะห์แสงของสาหร่ายโดยสาหร่ายจะใช้ประโยชน์จากคาร์บอนไดออกไซด์และของเสียที่หอยมือเสือปล่อยออกมา หอยมือเสือก็จะได้รับสารอาหารคืนจากที่สาหร่ายผลิตได้บางส่วน ดังนั้นจึงพบเห็นหอยมือเสือจะอาศัยอยู่ในบริเวณที่น้ำใสและมีแสงส่องผ่านไปถึง อีกทั้งการที่หอยมือเสือมีสีสันต่าง ๆ ต่างกันทั้ง สีเขียว, สีน้ำเงิน ก็เป็นผลมาจากสังเคราะห์แสงของสาหร่ายนี้ โดยปกติจะพบหอยมือเสือได้ในระดับความลึกไม่เกิน 20 เมตร ส่วนต่อมาคือ ตรงรอยต่อด้านล่างของฝาหอย เป็นบานพับเปลือก จะมีส่วนที่ลักษณะเป็นช่องสำหรับให้เส้นใยเนื้อเยื่อที่เรียกว่า บิสซัส ยื่นออกมาทำหน้าที่เชื่อมยึดตัวหอยให้เกาะติดกับหินหรือวัสดุใต้น้ำโดยกระบวนการสังเคราะห์แสงของสาหร่ายซูแซนเทลลีที่อยู่ในตัวหอยจะดูดซับเอาสารต่าง ๆ รวมทั้งของเสียสิ่งขับถ่ายจากสัตว์อื่นในระบบนิเวศ มาสังเคราะห์เป็นอาหารและพลังงานที่เป็น จึงทำให้หอยมือเสือเสมือนเป็นโรงงานกำจัดของเสีย อีกทั้งหอยมือเสือมีการกินอาหารแบบกรองกินอาหารที่ลอยมาตามน้ำ ดังนั้น หากมีฝุ่นตะกอนลอยมาตามน้ำ หอยมือเสือก็จะทำหน้าที่ดูดกรองฝุ่นตะกอนเหล่านั้นไว้ จึงทำให้น้ำในบริเวณนั้นจึงใสสะอาด ช่วยให้ระบบนิเวศน์ของทะเลดีตามไปด้วยหอยมือเสือมีสองเพศในตัวเดียว โดยช่วงแรกยังไม่สามารถระบุเพศได้ จนอายุประมาณ 2 ปีขึ้นไป จะเป็นเพศผู้ มีการสร้างน้ำเชื้อ และเมื่ออายุประมาณ 4 ปีครึ่ง จะเปลี่ยนเป็นเพศเมีย เริ่มสร้างไข่เพื่อสืบพันธุ์ ในเขตร้อนหอยมือเสือสามารถสืบพันธุ์ได้ทั้งปี ขณะที่ในเขตอบอุ่นหอยจะสืบพันธุ์เฉพาะช่วงฤดูร้อนเท่านั้นหอยมือเสือ จัดเป็นหอยที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก อาจมีความยาวเปลือกได้ถึง 100-120 เซนติเมตร น้ำหนักได้กว่า 200 กิโลกรัม และมีอายุยาวได้ถึง 100 ปีหรือมากกว่านั้น ขนาดเล็กสุดยาวเพียง 15 เซนติเมตร พบกระจายพันธุ์ทั่วไปในเขตน้ำตื้นตามแนวปะการังของน่านน้ำแถบอินโด-แปซิฟิก ในเขตน่านน้ำไทยแหล่งที่พบหอยมือเสือได้มากที่สุด คือ เกาะไข่ ในเขตพื้นที่จังหวัดชุมพร ที่สามารถพบหอยมือเสือได้หลายขนาดและหลากหลายสีในเขตแนวปะการังน้ำตื้นรอบ ๆ เกาะ โดยเป็นหอยมือเสือทั้งจากการเพาะขยายพันธุ์และขยายพันธุ์กำเนิดเองในธรรมชาติ ซึ่งเป็นผลมาจากการอนุรักษ์
ที่เกาะร้านเป็ดเกาะร้านไก่มีทุ่งดอกไม้ทะเลกว่างใหญ่ที่สุดของไทย ดำน้ำลึก 15-30 เมตร เหมากับการดำฟรีไดฟ์ และดำน้ำตื้น 3-5 เมตร เกาะร้านเป็ดเกาะร้านไก่ มีชื่อเสียงติดอันดับ 1ใน10 จุดดำน้ำ ที่สวยที่สุดในทะเลฝั่งอ่าวไทย ชมชีวิตใต้ท้องทะเลหลากสีสัน ปลาการ์ตูน ปะการังหลากสี ดอกไม้ทะเล และปลาฉลามวาฬ
เนินทราย (Sand Dune)
พืชที่ขื้นบริเวณนี้จึงเป็นพื้นที่ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ เป็นแหล่งกำเนิดของป่าเนินทราย มีพืชเฉพาะถิ่นกว่า 160ชนิด ที่หาดูได้ยากในที่อื่นๆ พันธุ์ไม้จากป่าพรุ ป่าชายหาด ป่าดิบชื้น ป่าดิบแล้งมากงอกงามร่วมกับหุบทรายเล็กใหญ่ในบริเวณนี้ การมองหาและถ่ายรูปพวกพืชเหล่านี้ ก็เป็นอีกกิจกรรมสะดุดตา ต้องคอยมองหาภาพที่เราไม่เคยเห็น ผมเห็นบางต้นขึ้นมาจากทรายได้น่าสนใจนะ ว่ามันเกาะอยู่กับอะไรมีชีวิตได้ยังไงกับสภาพพื้นทรายแบบนี้
ด้วยความโค้งยาวของชายหาดบางเบิด เรื่อยไปจนถึงหาดถ้ำธง ที่ตั้งของเนินทราย ที่มีความยาวกว่า 10ก.ม. ยาวมากนะครับ และหายากที่เราจะเจอชายหาดสวยน้ำใส โดยที่เราไม่ต้องนั่งเรือออกไปเกาะกลางทะเล รอบๆบริเวณยังเป็นพื้นที่อนุรักษ์ที่ดูแลอย่างดี เนินทรายมีเนื้อที่กว้างขวางถึง2,000ไร่ มีจุดสูงสุดยอดเนินทรายในบางจุดสูงถึง 30เมตร จากระดับน้ำทะเล
ลักษณะพื้นที่เป็นเนินทรายชายทะเล ที่เกิดจากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ที่เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ช่วงปลายสมัยไพลสโตซีน (Late Pleistocene Epoch or Ice Age) หรือช่วงปลายของยุคน้ำแข็งประมาณ 1.8 ล้าน ถึง 14,000 ปีก่อนปัจจุบัน น้ำแข็งที่ปกคลุมอยู่ทั่วโลกเริ่มหลอมละลาย ระดับน้ำทะเลจึงต่ำกว่าในระดับปัจจุบัน
เมื่อถึงสมัยโฮโลซีน (Holocene Epoch) ประมาณ 14,000 ปีอ่นปัจจุบัน น้ำแข็งทั่วโลกหลอมละลาย ทำให้ระดับน้ำทะเลสูงกว่าปัจจุบัน ทำให้เกิดการรุกล้ำของน้ำทะเล (Transgression) ส่งผลให้พื้นดินในปัจจุบันที่อยู่ริมฝั่งทะเล ริมแม่น้ำ ปากแม่น้ำ และที่ราบชายฝั่งถูกน้ำมะเลท่วมถึง เขาเบิด เขาถ้ำธง เขาหมอน เขาแหลมใหญ่ และภูเขาหินปูนหลายแห่งในพื้นที่กลายสภาพเป็นเกาะ
จากนั้น 1,500ปีก่อนปัจจุบัน น้ำทะเลก็ถอยกลับมาอยู่ในระดับน้ำทะเลปัจจุบัน การรุก และการถอยกลับของน้ำทะเล (Regression) 2ครั้ง ทำให้เกิดสันทรายและเกาะสันดอนปิดกั้นอ่าว (Barrier island) ปิดกั้นน้ำทะเลบางส่วนให้อยู่ด้านหลังของเทือกสันทราย ทำให้เกิดทะเลหลง(Lagoon) ขึ้นในเวลาต่อมา
หลังจากนั้นบริเวณชายฝั่งที่เป็นร่องมรสุมพัดผ่านมีกระแสลมแรง หรือมีลมพายุรุนแรงพัดผ่อนเป้นประจำ ประกอบกับด้านหน้าทะเลเปิดโล่ง ไม่มีเกาะต่างๆปิดกั้น ชายหาดมีความลาดชันน้อย เมื่อน้ำทะเลลดลงทำให้ชายหาดมีความกว้าง ประกอบกับขนาดเม็ดทราย มีความระเอียดมาก มีน้ำหนักเบา ซึ่งเรียกว่าทรายแป้ง (เมื่อเดินจะทำให้มีเสียงเสียดสีระหว่างเม็ดทราย) ทำให้มีการพัดพาเม้ดทราย โดยกระแสลมมาพัดถมกันเกิดเป็นเนินทรายชายฝั่ง (Coastal Dune) หรือ Sand Dune ขึ้น
ส่วนพื้นที่ทะเล (Lagoon) เมื่อเกิดการทับถมของซากพืชซากสัตว์มากขึ้น ก็กลายเป็น Peat จึงเรียกว่า พรุ (Peat Swamp) ซึ่งมีตะกอนทะเล (Marine Clay) ตกค้างอยู่ด้านล่างทำให้ดินเปรี้ยว พรุที่มีดินพีท (Peat Swamp) ในที่น้ำทะเลลึกจะมีป่าพรุ และเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำ สัตว์ป่า ปัจจุบันพรุตื้นเขินมาก น้ำกร่อยกลายเป็นน้ำจืด จึงพบไม้เสม็ดขึ้นอยู่ทั่วไป
เนินทรายที่เกิดขึ้นที่เห็นได้เด่นชัด ตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลระหว่างเขาเบิด บ้านพุ หมู่ที่5 ถึงเขาแหลมใหญ่ บ้านถ้ำธง หมู่ที่3 ตำบลปากคลอง อ.ประทิว จังหวัดชุมพร อีกทั้งใกล้กับพื้นที่เนินทรายยังมีแหล่งท่องเที่ยวอีกมากมาย ที่ทางโครงการได้สำรวจแล้วทั้งที่ได้รับการพัฒนาประชาสัมพันธ์ และยังไม่ได้รับการพัฒนา เช่น การทำกิจกรรมหมู่บ้านปลา ธนาคารปู กล้วยไม้ป่าที่บานตลอดทั้งปีขึ้นอยู่ในพรุที่มีความลึกถึง 12 เมตร มีกล้วยไม้ขึ้นอยู่อย่างหนาแน่นถึง2ชนิด (แต่ยังไม่ได้รับการพัฒนาในพรุหนองยายชี) ถ้ำเก้าห้องที่เขาหมอน และถ้ำอีกหลายแห่งซึ่งยังไม่ได้รับการพัฒนารวมทั้ง การชมค่างแว่นถิ่นใต้ นั่งเรือรอบเกาะเวียง ชมนกแก๊ก (นกเงือกขนาดเล็กซึ่งการชมนกเงือกปกติต้องเข้าป่าลึก) ดูเลียงผา ช่วงเช้าที่กระชังปลาข้างเกาะเวียง หรือการดำน้ำดูปะการัง และเรือรบญี่ปุ่น เป็นต้น
หากแหล่งท่องเที่ยวเหล่านี้ได้รับการพัฒนาหลายพื้นที่มีศักยภาพ ที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาเยี่ยมชม ได้อย่างต่อเนื่อง
ในปี 2550 ถูกบรรจุอยู่ในโครงการพระราชดำริ 1ใน19โครงการ จากกว่า 3,000โครงการ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของโครงการเปิดทองหลังพระ ...เป็นที่ประทับใจผมอย่างมาก ที่วันนี้สิ่งที่พระองค์ท่านได้ทำไว้เพื่อเราคนไทยทุกคนกว่า 30ปี ตั้งแต่พระองค์ท่านได้ใช้พื้นที่นี่เป็นที่ตั้ง โครงการพัฒนาเกษตรดินทรายชายทะเลอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดชุมพร ในปี 2521 ก็กว่า 32ปีมาแล้ว จนทุกวันนี้เป็นโครงการอนุรักษ์และพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติ โครงการพัฒนาส่วนพระองค์ ...ถ้าไม่มีการอนุรักษ์นี้เราคงเห็นความงาม ณ ที่แห่งนี้ต่างไปจากสิ่งที่ตาเราเห็นวันนี้
พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชกระแสรับสั่งให้โครงการพัฒนาส่วนพระองค์ เป็นผู้รับผิดชอบ ดำเนินการพัฒนาที่ดินแปลงนี้เป็นไปตามพระราชประสงค์ โดยมีลักษณะของงานในโครงการ 4 ประการ
1. อนุรักษ์สภาพ แวดล้อมเดิมของภูมิประเทศ คือ สภาพสันทราย และสภาพป่าธรรมชาติไว้เพื่อศึกษา และพักผ่อนหย่อนใจ
2. พัฒนาพื้นที่เพื่อการเกษตร โดยการปรับปรุ งบลำรุงติดตามความเหมาะสม กับปลูกแตงโมพันธุ์บางเบิด ซึ่งเป็น พันธุ์แตงโมที่มีชื่อเสียง ของพื้นที่นี้มาแต่เดิม
3. เพื่อให้เป็น แหล่งศึกษาวิจัย แหล่งส่งเสริมอาชีพแก่เกษตรกรบริเวณ ใกล้เคียง และสร้างงานให้แก่ประชาชน
4. เพื่อพัฒนา ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ของจังหวัดชุมพรเนื่องจากมีศักยภาพที่เหมาะสมทุกด้าน
ข้อมูลดีๆจาก http://sadoodta.com/
ด้วยความโค้งยาวของชายหาดบางเบิด เรื่อยไปจนถึงหาดถ้ำธง ที่ตั้งของเนินทราย ที่มีความยาวกว่า 10ก.ม. ยาวมากนะครับ และหายากที่เราจะเจอชายหาดสวยน้ำใส โดยที่เราไม่ต้องนั่งเรือออกไปเกาะกลางทะเล รอบๆบริเวณยังเป็นพื้นที่อนุรักษ์ที่ดูแลอย่างดี เนินทรายมีเนื้อที่กว้างขวางถึง2,000ไร่ มีจุดสูงสุดยอดเนินทรายในบางจุดสูงถึง 30เมตร จากระดับน้ำทะเล
ลักษณะพื้นที่เป็นเนินทรายชายทะเล ที่เกิดจากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ที่เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ช่วงปลายสมัยไพลสโตซีน (Late Pleistocene Epoch or Ice Age) หรือช่วงปลายของยุคน้ำแข็งประมาณ 1.8 ล้าน ถึง 14,000 ปีก่อนปัจจุบัน น้ำแข็งที่ปกคลุมอยู่ทั่วโลกเริ่มหลอมละลาย ระดับน้ำทะเลจึงต่ำกว่าในระดับปัจจุบัน
เมื่อถึงสมัยโฮโลซีน (Holocene Epoch) ประมาณ 14,000 ปีอ่นปัจจุบัน น้ำแข็งทั่วโลกหลอมละลาย ทำให้ระดับน้ำทะเลสูงกว่าปัจจุบัน ทำให้เกิดการรุกล้ำของน้ำทะเล (Transgression) ส่งผลให้พื้นดินในปัจจุบันที่อยู่ริมฝั่งทะเล ริมแม่น้ำ ปากแม่น้ำ และที่ราบชายฝั่งถูกน้ำมะเลท่วมถึง เขาเบิด เขาถ้ำธง เขาหมอน เขาแหลมใหญ่ และภูเขาหินปูนหลายแห่งในพื้นที่กลายสภาพเป็นเกาะ
จากนั้น 1,500ปีก่อนปัจจุบัน น้ำทะเลก็ถอยกลับมาอยู่ในระดับน้ำทะเลปัจจุบัน การรุก และการถอยกลับของน้ำทะเล (Regression) 2ครั้ง ทำให้เกิดสันทรายและเกาะสันดอนปิดกั้นอ่าว (Barrier island) ปิดกั้นน้ำทะเลบางส่วนให้อยู่ด้านหลังของเทือกสันทราย ทำให้เกิดทะเลหลง(Lagoon) ขึ้นในเวลาต่อมา
หลังจากนั้นบริเวณชายฝั่งที่เป็นร่องมรสุมพัดผ่านมีกระแสลมแรง หรือมีลมพายุรุนแรงพัดผ่อนเป้นประจำ ประกอบกับด้านหน้าทะเลเปิดโล่ง ไม่มีเกาะต่างๆปิดกั้น ชายหาดมีความลาดชันน้อย เมื่อน้ำทะเลลดลงทำให้ชายหาดมีความกว้าง ประกอบกับขนาดเม็ดทราย มีความระเอียดมาก มีน้ำหนักเบา ซึ่งเรียกว่าทรายแป้ง (เมื่อเดินจะทำให้มีเสียงเสียดสีระหว่างเม็ดทราย) ทำให้มีการพัดพาเม้ดทราย โดยกระแสลมมาพัดถมกันเกิดเป็นเนินทรายชายฝั่ง (Coastal Dune) หรือ Sand Dune ขึ้น
ส่วนพื้นที่ทะเล (Lagoon) เมื่อเกิดการทับถมของซากพืชซากสัตว์มากขึ้น ก็กลายเป็น Peat จึงเรียกว่า พรุ (Peat Swamp) ซึ่งมีตะกอนทะเล (Marine Clay) ตกค้างอยู่ด้านล่างทำให้ดินเปรี้ยว พรุที่มีดินพีท (Peat Swamp) ในที่น้ำทะเลลึกจะมีป่าพรุ และเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำ สัตว์ป่า ปัจจุบันพรุตื้นเขินมาก น้ำกร่อยกลายเป็นน้ำจืด จึงพบไม้เสม็ดขึ้นอยู่ทั่วไป
เนินทรายที่เกิดขึ้นที่เห็นได้เด่นชัด ตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลระหว่างเขาเบิด บ้านพุ หมู่ที่5 ถึงเขาแหลมใหญ่ บ้านถ้ำธง หมู่ที่3 ตำบลปากคลอง อ.ประทิว จังหวัดชุมพร อีกทั้งใกล้กับพื้นที่เนินทรายยังมีแหล่งท่องเที่ยวอีกมากมาย ที่ทางโครงการได้สำรวจแล้วทั้งที่ได้รับการพัฒนาประชาสัมพันธ์ และยังไม่ได้รับการพัฒนา เช่น การทำกิจกรรมหมู่บ้านปลา ธนาคารปู กล้วยไม้ป่าที่บานตลอดทั้งปีขึ้นอยู่ในพรุที่มีความลึกถึง 12 เมตร มีกล้วยไม้ขึ้นอยู่อย่างหนาแน่นถึง2ชนิด (แต่ยังไม่ได้รับการพัฒนาในพรุหนองยายชี) ถ้ำเก้าห้องที่เขาหมอน และถ้ำอีกหลายแห่งซึ่งยังไม่ได้รับการพัฒนารวมทั้ง การชมค่างแว่นถิ่นใต้ นั่งเรือรอบเกาะเวียง ชมนกแก๊ก (นกเงือกขนาดเล็กซึ่งการชมนกเงือกปกติต้องเข้าป่าลึก) ดูเลียงผา ช่วงเช้าที่กระชังปลาข้างเกาะเวียง หรือการดำน้ำดูปะการัง และเรือรบญี่ปุ่น เป็นต้น
หากแหล่งท่องเที่ยวเหล่านี้ได้รับการพัฒนาหลายพื้นที่มีศักยภาพ ที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาเยี่ยมชม ได้อย่างต่อเนื่อง
ในปี 2550 ถูกบรรจุอยู่ในโครงการพระราชดำริ 1ใน19โครงการ จากกว่า 3,000โครงการ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของโครงการเปิดทองหลังพระ ...เป็นที่ประทับใจผมอย่างมาก ที่วันนี้สิ่งที่พระองค์ท่านได้ทำไว้เพื่อเราคนไทยทุกคนกว่า 30ปี ตั้งแต่พระองค์ท่านได้ใช้พื้นที่นี่เป็นที่ตั้ง โครงการพัฒนาเกษตรดินทรายชายทะเลอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดชุมพร ในปี 2521 ก็กว่า 32ปีมาแล้ว จนทุกวันนี้เป็นโครงการอนุรักษ์และพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติ โครงการพัฒนาส่วนพระองค์ ...ถ้าไม่มีการอนุรักษ์นี้เราคงเห็นความงาม ณ ที่แห่งนี้ต่างไปจากสิ่งที่ตาเราเห็นวันนี้
พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชกระแสรับสั่งให้โครงการพัฒนาส่วนพระองค์ เป็นผู้รับผิดชอบ ดำเนินการพัฒนาที่ดินแปลงนี้เป็นไปตามพระราชประสงค์ โดยมีลักษณะของงานในโครงการ 4 ประการ
1. อนุรักษ์สภาพ แวดล้อมเดิมของภูมิประเทศ คือ สภาพสันทราย และสภาพป่าธรรมชาติไว้เพื่อศึกษา และพักผ่อนหย่อนใจ
2. พัฒนาพื้นที่เพื่อการเกษตร โดยการปรับปรุ งบลำรุงติดตามความเหมาะสม กับปลูกแตงโมพันธุ์บางเบิด ซึ่งเป็น พันธุ์แตงโมที่มีชื่อเสียง ของพื้นที่นี้มาแต่เดิม
3. เพื่อให้เป็น แหล่งศึกษาวิจัย แหล่งส่งเสริมอาชีพแก่เกษตรกรบริเวณ ใกล้เคียง และสร้างงานให้แก่ประชาชน
4. เพื่อพัฒนา ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ของจังหวัดชุมพรเนื่องจากมีศักยภาพที่เหมาะสมทุกด้าน
ข้อมูลดีๆจาก http://sadoodta.com/
ทริป ชุมพร 1 วัน เที่ยวอ่าวทุ่งมหา กินปูห้อยขา ที่ธนาคารปู เกาะยอ เดินเล่นชมวิวรอบเกาะ แวะเกาะพระขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ดำน้ำเกาะเวียง และหาดศิลาทอง ชมปะการังหลากสี และปลาสวยงาม
ทริปเดียวเที่ยว2จังหวัดสุดคุ้ม ประจวบฯตอนล่างบางสะพาน-ชุมพรตอนบนบางเบิด อ่าวทุ่งมหา-กินปูห้อยขา
เที่ยวชุมพร กับ ทุ่งมหากรุ๊ปท่องเที่ยวชุมชน เกาะยอ-เกาะพระ-เกาะเวียง-เกาะสิกง-เกาะรังนก-เกาะร้านเป็ดเกาะร้านไก่-เกาะไข่ ดื่มด่ำกับบรรยากาศ เกาะแก่งมากมายดุดปฎิมากรรมที่สร้างสันจากธรรมชาติไม่ปรุงแต่ง อาหารทะเลสดใหม่ น้ำใสหาดขาว ชมชีวิตใต้ท้องทะเลหลากสีสัน ปลาการ์ตูนปะการังหลากสี ดอกไม้ทะเล ที่รอคุณมาสัมผัส
เกาะร้านเป็ดเกาะร้านไก่ อ่าวทุ่งมหา ชุมพร